ลูกน้อยถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่คุณแม่หวงแหนมากที่สุด ดังนั้นการดูแลลูกให้อยู่ในสายตาจึงมักจะเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเสมอ แต่ในบางครั้งคุณแม่ก็อาจจะมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ต้องห่างกับเจ้าตัวน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในบ้านนอนหลับกันสนิท หากต้องนั่งเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง อาจจะทำให้เหนื่อยเกินไป “Baby Monitor” จึงเป็นอุปกรณ์ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ โดยเบบี้มอนิเตอร์จะเป็นกล้องที่ช่วยสอดส่องดูลูกของคุณตลอดเวลา สามารถจับได้ทั้งเสียง รวมถึงการเคลื่อนไหว ทำให้คุณแม่รู้สึกสบายใจแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับลูกก็ตาม
ซึ่งในปัจจุบันกล้องดูลูกมีให้เลือกหลากหลายรุ่น หลายยี่ห้อ คุณแม่มือใหม่อาจจะเลือกกันไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรดีถึงจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด วันนี้ Welovesupermom ได้รวบรวมรุ่นที่น่าสนใจมาให้แล้ว พร้อมด้วยข้อมูลที่ควรรู้ก่อนจะซื้อ หากพร้อมแล้วเราไปดูกันได้เลย
Baby Monitor คืออะไร ?
Baby Monitor (เบบี้มอนิเตอร์) คือ กล้องที่เอาไว้ใช้ดูความเคลื่อนไหวของลูกน้อย ซึ่งจะมาพร้อมจอภาพแบบแยกที่ดูเหตุการณ์ได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กปลอดภัยอยู่เสมอ โดยจอภาพนี้จะแสดงภาพ เสียง และมีไมโครโฟนติดอยู่ด้วย เพื่อให้คุณแม่สามารถพูดโต้ตอบกับลูก ๆ ได้ ซึ่งการออกแบบของเบบี้มอนิเตอร์ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาติดตัวไปไหนมาไหนได้ นอกจากนี้ในบางรุ่นยังมีฟีเจอร์พิเศษเสริม เพื่อความสะดวกในการใช้งานยิ่งขึ้น เช่น เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ถึงแม้ว่าเด็กจะเคลื่อนตัวออกจากเฟรม กล้องก็จะหันไปตามทิศทางต่าง ๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น หรือในบางรุ่นก็ใช้เล่นเพลงเพื่อกล่อมลูกได้ ทำให้เจ้าตัวเล็กนอนหลับง่ายขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นยังมีโหมดกลางคืนที่ใช้ดูลูกในความมืดได้อย่างชัดเจน
วิธีเลือก Baby Monitor มีอะไรบ้าง ?
ในการเลือกซื้อ Baby Monitor ก็ทำได้ง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งวิธีในการเลือกซื้อ คุณแม่ควรพิจารณาตามปัจจัยดังต่อไปนี้
- คุณภาพดี แสดงภาพและเสียงคมชัด : สิ่งแรกที่ควรต้องตรวจสอบก็คือคุณภาพว่าเป็นยี่ห้ออะไร มีคุณภาพไหม เพราะ Baby Monitor ที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้เห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และได้ยินเสียงคมชัด ซึ่งจะช่วยให้คุณจับตาดูลูกน้อยได้แบบไม่คลาดสายตา
- การสื่อสารแบบสองทาง : เบบี้มอนิเตอร์บางรุ่นมีลำโพงที่ทำให้ได้ยินเสียงของเด็ก แต่ไม่มีไมค์เพื่อให้พูดคุยได้ เมื่อลูกร้องคุณแม่ก็ทำได้แต่เฝ้าดูผ่านหน้าจอ แต่ถ้าเลือกแบบที่มีไมโครโฟนก็จะช่วยให้คุณแม่ส่งเสียงหรือคุยกับลูกได้ทันทีเมื่อลูกเรียกหา ทำให้ลูกน้อยได้รับการปลอบประโลม และสงบยิ่งขึ้นเสมือนแม่มาอยู่ข้างกายในทันที
- การรับ-ส่งสัญญาณ : กล้องดูลูกหลายรุ่นจะไม่รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จึงจำกัดระยะห่างระหว่างตัวกล้องและจอภาพ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน ก่อนเลือกซื้ออย่าลืมตรวจสอบว่ากล้องรับสัญญาณในระยะไกลมากแค่ไหน เพื่อลดปัญหาการเชื่อมต่อไม่เสถียรเมื่อต้องใช้งานนอกห้องนอน แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องการเช็กความเคลื่อนไหวของลูกในระยะไกล แนะนำให้เลือกรุ่นที่สามารถเชื่อมต่อกับ Wi-Fi เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถดูลูกได้ตลอดเวลา
- ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวได้ : Baby Monitor ที่มีเซนเซอร์จะสามารถตอบสนองต่อเสียง และการเคลื่อนไหวของทารกได้ หากมีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น ตัวกล้องก็จะแจ้งความผิดปกติให้คุณแม่รู้ผ่านหน้าจอพิเศษหรือแอปพลิเคชันบนมือถือได้ทันท่วงที ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อการดูแลลูกน้อย และป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น
Baby Monitor ยี่ห้อไหนดี ?
เมื่อรู้วิธีเลือกซื้อ Baby Monitor กันไปแล้ว ทีนี้เราลองมาดูเบบี้มอนิเตอร์ยี่ห้อดังคุณภาพดีกันบ้าง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูลูก ๆ ได้อย่างสบายใจยิ่งขึ้น
1. Prince & Princess รุ่น Safe & Sound 2K
Baby Monitor ราคา 2,098 บาท
Baby Monitor รุ่น Safe & Sound 2K ความคมชัดสูงสุดที่ระดับ 2K สามารถหมุนได้ 355 องศา และองศาขึ้นลงได้ 95 องศา มีโหมดตรวจจับความเคลื่อนไหว และบุคคล มาพร้อมฟังก์ชั่นการตรวจจับเสียงที่แม่นยำและรวดเร็ว แถมยังมีโหมดอินฟาเรดอัจฉริยะ เมื่อภายในห้องมืดกล้องจะปรับเข้าสู่โหมดกลางคืนโดยอัตโนมัติ แต่ยังมองเห็นได้คมชัดในที่มืดได้ไกลถึง 7 เมตร นอกจากนี้ยังรองรับการสั่งงานได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ โดยกล้องหนึ่งตัว จะสามารถดูภาพพร้อมกันได้หลายคนแบบ Unlimited เพียงดาวน์โหลด App Blurams และสมัครสมาชิกฟรี ช่วยคลายความกังวล และทำให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย
2. Saker รุ่น Professional
Baby Monitor ราคา 3,989 บาท
เบบี้มอนิเตอร์คุณภาพสูง ส่งสัญญาณด้วยคลื่น 2.4GHz FHSS ไม่มีผลเสียต่อลูกน้อย ไม่ต้องใช้สัญญาณ Wi-Fi มาพร้อมผลแล็บยืนยันถึงความปลอดภัยจากยุโรป และอเมริกา ที่ยืนยันว่าไม่รบกวนคลื่นสมองของลูกน้อย ปลอดภัยแน่นอน ซึ่งคุณสมบัติของกล้องจะหมุนได้ 360 องศา มีโหมดอินฟาเรดปรับแสงอัตโนมัติมองเห็นได้ชัดเจนเมื่ออยู่ในที่มืด ในด้านของจอภาพที่ใช้เป็น LCD HD ขนาด 4.5 นิ้ว มีระบบสื่อสารแบบ 2 ทิศทาง สามารถพูดคุยโต้ตอบกันได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังมาพร้อมฟังก์ชันเสริมอีกเพียบ ทั้งโหมดแจ้งเตือนการให้นม โหมดแจ้งเตือนอุณหภูมิห้อง ไปจนถึงเพลงกล่อมลูกน้อยให้เลือกถึง 8 เพลง สเปกหลักหมื่น แต่ราคาเริ่มแค่หลักพัน
3. Video Baby Monitor รุ่น VB603
Baby Monitor ราคา 1,680 บาท
Baby Monitor ตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอ LCD ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 320 × 240 พิกเซล สามารถซูมได้ 2 เท่า บวกด้วยโหมด Night Vision ที่ช่วยให้ติดตามความเคลื่อนไหวของลูกน้อยในตอนกลางคืนอย่างชัดเจน แถมยังมีระบบพูดคุยสองทิศทางที่ให้คุณแม่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกได้ ส่วนในด้านของการส่งสัญญาณตัวกล้องจะรองรับการเชื่อมต่อในพื้นที่เปิดได้ไกลถึง 300 เมตร และ 100 เมตรในพื้นที่ปิดแบบที่ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฟังก์ชันเตือนเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงหรือต่ำกว่าค่าที่ตั้งไว้ และมีโหมดเพลงกล่อมเด็กถึง 8 เพลง ทำให้ลูกของคุณหลับได้สบายอย่างไร้กังวล
4. EZVIZ รุ่น BM1 Battery Camera
Baby Monitor ราคา 3,290 บาท
กล้องดูลูกจาก EZVIZ ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลลูกได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยความ 2MP (1920×1080) มาพร้อมฟีเจอร์การตรวจจับ ทั้งเสียงร้อง และการเคลื่อนไหว เมื่อทารกคลานออกออกพื้นที่ Safety Zone กล้องจะแจ้งเตือนให้คุณแม่รับรู้ได้ทันที อีกทั้งยังมีฟังก์ชันเล่นเพลงเพื่อสร้างความผ่อนคลายอัตโนมัติ เมื่อตรวจพบเสียงร้องไห้ของเด็ก นอกจากนี้ยังรองรับการพูดคุยโต้ตอบได้สองทิศทางจากทุกที่บนแอปพลิเคชัน EZVIZ ใช้งานสะดวกได้ง่าย ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมตัวกล้องยังใช้วัสดุฟู้ดเกรดในการผลิตซิลิโคน รับรองมาตรฐาน Rohs ไม่มีสารตะกั่วและปรอท ขอบไร้คม ปลอดภัยในทุกสัมผัสของลูกน้อย
5. Baby Monitor รุ่น LT935
Baby Monitor ราคา 1,550 บาท
หากคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนไม่ชอบการติดตั้งที่ยุ่งยาก Baby Monitor รุ่น LT935 จะตอบโจทย์อย่างมาก เพราะติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้เน็ต เพียงแค่กดเปิดเครื่องตัวกล้องก็จะทำงานทันที แสดงภาพจากระยะไกลได้อย่างคมชัดบนหน้าจอใหญ่ขนาด 3.5 นิ้ว ถ้าหากอยากดูภาพหลายมุมก็เชื่อมต่อกับกล้องได้สูงสุด 4 ตัวในเวลาเดียวกัน และมีระบบสลับกล้องอัตโนมัติมาให้ แถมยังสามารถเลือกความไวของเสียงร้องได้ถึง 3 ระดับ ลูกร้องเมื่อไหร่กล้องก็จะทำการแจ้งเตือนทันที ไม่เพียงเท่านั้นยังมาพร้อมฟีเจอร์เด็ด ๆ อย่างเพลงกล่อมเด็ก 4 เพลง และระบบตรวจจับอุณหภูมิ ครบทุกฟังก์ชันในเรื่องของความปลอดภัย ช่วยตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ได้ดี
6. BBluv รุ่น HD Baby Video Camera & Monitor
Baby Monitor ราคา 6,291 บาท
และ Baby Monitor รุ่นสุดท้าย ขึ้นชื่อว่าเป็นกล้องคุณภาพสูง ได้รับมาตรฐานในระดับสากล การทำงานของเบบี้มอนิเตอร์จะใช้เทคโนโลยีไร้สาย 2.4 Ghz ที่มีระยะการส่งสัญญาณได้ไกลกว่า 300 เมตร ด้วยการแสดงผลบนหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว โดยตัวกล้องจะสามารถหมุนได้ 350 องศา ปรับขึ้นลงได้ ซูมได้ อีกทั้งยังมองเห็นในเวลากลางคืนแบบอินฟราเรด พร้องรองรับการโต้ตอบแบบ 2 ทิศทาง และมีฟังก์ชันการใช้งานครบครั้น ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณเตือนเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด, เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ, การตั้งเวลา หรือเพลงกล่อมเด็กที่มีให้ถึง 5 เพลง แม้จะเป็นกล้องดูลูกที่มีราคาสูงหน่อย แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพแล้ว บอกเลยว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอน
การเลี้ยงดูทารกอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เหนื่อยล้าบางเวลา ดังนั้น Baby Monitor จึงถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะมีธุระที่ต้องจัดการ หรืออยากจะหลับพักผ่อน เบบี้มอนิเตอร์ก็จะช่วยเป็นหูเป็นตาเพื่อสอดส่องให้ตลอดเวลา และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของทารกได้อีกด้วย เพราะกล้องดูลูกที่วางจำหน่ายในปัจจุบันมีฟังก์ชันมากมายที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุม ให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกอุ่นใจ ลดความวิตกกังวลไปได้เยอะ